Display mode (Doesn't show in master page preview)
Skip Ribbon Commands
Skip to main content
Travel and Sport
Travel and Sport: เตรียมตัวอย่างไรก่อนบินลัดฟ้าไปเที่ยวยุโรปด้วยตัวเอง

กล่าวได้ว่า ยุโรปเป็นเมืองในฝันของหลายๆ คนที่อยากไปเที่ยวต่างประเทศ เพราะแต่ละประเทศในแถบยุโรปมีแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามและมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันไป สำหรับคนที่อยากไปเที่ยวยุโรปด้วยตัวเอง ต้องบอกว่าไม่ได้เป็นเรื่องที่ยากเกินไปถ้ามีการเตรียมตัวที่ดี โดยมีคำแนะนำมาฝาก ดังนี้ค่ะ

พาสปอร์ตและวีซา

สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยในการไปเที่ยวต่างประเทศ ก็คือ พาสปอร์ตและวีซา โดยพาสปอร์ตต้องมีอายุคงเหลือไม่น้อยกว่า 6 เดือน และสำหรับผู้ที่วางแผนไปเที่ยวยุโรปหลายประเทศต่อเนื่องในทริปเดียว แนะนำให้ขอเป็นวีซาเชงเกน (Schengen Visa) โดยสามารถใช้ได้กับทุกประเทศที่เป็นสมาชิกเชงเกน ซึ่งมี 26 ประเทศด้วยกัน ทำให้ไม่ต้องเสียเวลายื่นขอวีซากับทุกๆ ประเทศที่จะเดินทางไปเที่ยว การขอวีซาเชงเกนนั้นให้ยื่นคำร้องขอวีซาต่อสถานทูตของประเทศที่วางแผนว่าจะพำนักนานที่สุด หรือประเทศแรกที่เดินทางไปถึง เช่น วางแผนไปเที่ยวฝรั่งเศส 5 วัน อิตาลี 3 วัน และเยอรมนีอีก 3 วัน ก็ให้ยื่นขอวีซาเชงเกนที่สถานทูตฝรั่งเศส เป็นต้น ส่วนประเทศอื่นๆ ในแถบยุโรปที่ไม่ได้เข้าร่วมกลุ่มเชงเกน เช่น สหราชอาณาจักร ไอร์แลนด์ บัลแกเรีย และโรมาเนีย ถ้าวางแผนเดินทางไปประเทศเหล่านี้ด้วย จะต้องยื่นขอวีซาโดยตรงกับสถานทูตของประเทศนั้นๆ แต่ก็มีบางประเทศในยุโรป เช่น ตุรกี ที่คนไทยสามารถไปเที่ยวได้เลยโดยไม่ต้องขอวีซา สำหรับการขอวีซา สถานทูตบางแห่งต้องนัดหมายล่วงหน้าในการยื่นเอกสารขอวีซา และอย่าลืมตรวจเช็คให้ดีว่าต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง เช่น แบบฟอร์มคำร้องขอวีซา รูปถ่ายพื้นหลังสีขาว หนังสือรับรองการทำงาน สำเนาสมุดบัญชีเงินฝาก เพื่อแสดงฐานะการเงินให้เห็นว่ามีทรัพย์สินเพียงพอใช้จ่ายในช่วงที่อยู่ในต่างประเทศ และประกันภัยการเดินทาง โดยปกติต้องมีวงเงินประกันขั้นต่ำ 30,000 ยูโร (ประมาณ 1.5 ล้านบาท) เป็นต้น

สภาพอากาศและการแต่งกาย

การเดินทางไปเที่ยวยุโรปสามารถเที่ยวได้ทุกฤดูกาล ขึ้นอยู่กับว่าชอบเที่ยวในช่วงเวลาไหน ซึ่งแต่ละช่วงจะให้ประสบการณ์ที่ไม่เหมือนกัน โดยฤดูกาลของประเทศแถบยุโรปแบ่งได้เป็น 4 ช่วงคือ

  • - ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม-พฤษภาคม) เป็นช่วง High Season ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวกัน อุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 5-15 องศาเซลเซียส ท้องฟ้าสว่างเร็วมากๆ ตั้งแต่ช่วงตี 5 และกว่าจะมืดก็ 2-3 ทุ่ม ทำให้เรามีเวลาเที่ยวเพิ่มมากขึ้น ในช่วงนี้ถือเป็นช่วงที่ยุโรปกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งหลังจากความเยือกเย็นและเหน็บหนาวของหิมะ ต้นไม้ต่างๆ เริ่มผลิดอกออกผล ดอกไม้จะเบ่งบานสวยงาม อากาศกำลังดี หนาวเล็กน้อย สามารถใส่เสื้อกันหนาวสวยๆ เท่ๆ ถ่ายรูปเก็บเป็นที่ระลึก
  • - ฤดูร้อน (มิถุนายน-สิงหาคม) อากาศอบอุ่น อุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 18-30 องศาเซลเซียส และที่ยุโรปจะมืดช้ากว่าบ้านเรา โดยยังมีแสงแดดจนถึง 4 ทุ่ม ซึ่งคนที่ไม่ชอบอากาศหนาวมากนักอาจเลือกมาเที่ยวในช่วงนี้ การแต่งกายจะค่อนข้างสบายๆ เหมือนอยู่เมืองไทย
  • - ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน-พฤศจิกายน) ช่วงนี้อากาศจะเริ่มเย็นลง อุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 10-18 องศาเซลเซียส ใบไม้ต่างๆ ที่เคยเป็นสีเขียวเริ่มกลายเป็นสีน้ำตาลอ่อนแล้วร่วงโรยลง ถ้ามาเที่ยวช่วงนี้จะได้เห็นใบไม้สวยหล่นเต็มถนน การแต่งกายควรเป็นเสื้อผ้าที่ให้ความอบอุ่นเล็กน้อย
  • - ฤดูหนาว (ธันวาคม-กุมภาพันธ์) เป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวมีจำนวนไม่เยอะมาก โดยช่วงเวลาท่องเที่ยวค่อนข้างสั้น เพราะท้องฟ้าจะมืดเร็วประมาณ 4 โมงเย็น หิมะตกและอากาศหนาวเย็นติดลบ ต้องสวมใส่เสื้อผ้ารองเท้าที่อบอุ่นมากๆ ถ้ามาเที่ยวในช่วงนี้จะได้เห็นกิจกรรมต่างๆ ที่จัดขึ้นเพื่อต้อนรับเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่

การเดินทาง
ลักษณะการเดินทางในยุโรปสามารถเดินทางได้หลายรูปแบบ เช่น เครื่องบิน รถไฟ รถยนต์ เป็นต้น โดยแต่ละรูปแบบก็มีข้อดีหรือจุดเด่นแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับความชอบหรือไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน ถ้าวางแผนไปหลายประเทศ การเดินทางด้วยเครื่องบินก็สะดวกเพื่อประหยัดเวลาในการเดินทางจากประเทศหนึ่งไปอีกประเทศหนึ่ง ถ้านั่งรถไฟ อาจใช้เวลานานขึ้น แต่จะได้ชมวิวทิวทัศน์ธรรมชาติ วิถีชีวิตของคนยุโรป ตลอดสองข้างทาง สำหรับผู้ที่วางแผนเดินทางด้วยรถไฟ ขอแนะนำดาวน์โหลดแอพพลิเคชัน “Rail Planner” ซึ่งเป็นแอพที่จะช่วยให้การเดินทางด้วยรถไฟระหว่างประเทศในยุโรปสะดวกมากขึ้น โดยแอพนี้มีข้อดีที่สำคัญคือ สามารถใช้แบบออฟไลน์ได้ไม่ต้องเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต ทำให้สามารถเช็คเวลาการเดินทางได้ตลอด เพราะรถไฟในยุโรปนั้นตรงเวลามาก ส่วนการขับรถเที่ยวเอง จะทำให้เราสามารถแวะพักเพื่อเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ได้ตามที่เราต้องการ และสะดวกในกรณีที่เราต้องการเปลี่ยนที่พักไปเรื่อยๆ สามารถเอากระเป๋าใส่ในรถยนต์ได้ ซึ่งช่วยให้ไม่ต้องแบกกระเป๋าขึ้นลงรถไฟหรือรสบัส แต่ผู้ที่ขับรถเที่ยวเอง ต้องมีใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ในต่างประเทศ (International driving license)
เงินติดตัว

วางแผนให้ดีว่าต้องมีค่าใช้จ่ายในเรื่องใดบ้าง เช่น ค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่าของฝาก ค่าเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยว ฯลฯ และควรเตรียมเงินเผื่อไว้อีกส่วนหนึ่งเพื่อใช้ในเหตุการณ์ฉุกเฉิน เช่น ตกรถไฟ ทำให้ต้องซื้อตั๋วใหม่ หรือต้องนั่งรถแท็กซี่แทน เป็นต้น โดยควรแลกเงินไปให้พอดีๆ เพราะถ้าเหลือกลับมาแลกคืนเป็นเงินบาท มีโอกาสขาดทุนจากอัตรารับซื้อคืนเงินตราต่างประเทศได้ แต่ถ้าเงินสดที่เตรียมไว้ไม่พอกับค่าใช้จ่าย สามารถใช้บัตรเดบิตกดถอนเงินสดจากตู้ ATM ที่มีเครื่องหมาย PLUS โดยค่าธรรมเนียมในการกดเงินขึ้นอยู่กับธนาคารเจ้าของบัตรและค่าบริการของตู้ นอกจากนี้ การพกบัตรเครดิตติดตัวไว้เพื่อใช้จ่ายในต่างประเทศก็สะดวกและปลอดภัย ทั้งนี้ ธนาคารต่างๆ จะมีระบบป้องกันการใช้บัตรในต่างประเทศ ก่อนเดินทาง ควรโทรแจ้งธนาคารให้ทราบเสียก่อน สำหรับอัตราแลกเปลี่ยนที่ใช้ในการคำนวณจะเป็นอัตราของวันที่ธนาคารเรียกเก็บเงินจากร้านค้า (ไม่ใช่วันที่เราซื้อสินค้า) บวกกับค่าความเสี่ยงจากการแปลงสกุลเงินต่างประเทศ ซึ่งสูงสุดอยู่ที่ 2.5% ของยอดใช้จ่าย ดังนั้น หากระหว่างเรียกเก็บ ค่าเงินบาทเกิดแข็งค่า จะทำให้เราซื้อสินค้าในราคาที่คิดเป็นเงินบาทที่ถูกลงได้

AUTHOR


ฝ่ายวางแผนและให้คำปรึกษา
ลูกค้าบุคคล (K-Expert)

RELATED STORY